บทที่ 4 ตอนที่ 4

แม้เขาจะไม่พูดตรงๆ หล่อนก็รู้ความหมายในหัวของเขาดี หล่อนกัดปากแน่น ก่อนจะเชิดหน้าทำเป็นไม่ใส่ใจ ทั้งๆ ที่ภายในอกน้ำตาทะลักแล้วทะลักอีกกับความอดสูที่เกิดขึ้น

“มันก็เรื่องของฉัน คุณมีอะไรก็พูดมาเลย พูดมาสิ ฉันเบื่อที่จะเห็นหน้าคุณแล้ว”

สีหน้าของเขายังราบเรียบและโคตรหล่อเช่นเดิม จะมีเปลี่ยนก็แค่แววตาเท่านั้นที่เหี้ยมกระด้างขึ้นจนคนมองอย่างหล่อนขนลุกซู่

“ฉันต้องการให้เธอยกเอวาให้กับฉัน”

คอของเนื้อนวลแข็งขึ้นในทันที หล่อนมองเขาตาลุกเป็นไฟ

“ฝันไปเถอะ ไม่ว่าคุณจะพูดคำนี้กับฉันอีกสักกี่ร้อยกี่พันครั้ง ฉันก็ไม่มีวันยกเอวาให้กับคุณ ฉันรักเอวาเข้าใจเอาไว้ด้วย”

ท่าทางเหมือนจงอางหวงไข่ของผู้หญิงตรงหน้าทำให้คิริลแสนจะสมเพช เขารู้ดีว่าหล่อนเน่าเฟะเพียงใด และที่สำคัญที่สุดหล่อนไม่มีจิตวิญญาณของคนเป็นแม่เลยสักนิด ที่กางปีกหวงก้างอยู่แบบนี้คงก็จะต้องการเงินสินะ

“ต้องการเงินเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย ฉันจ่ายไม่อั้น”

หญิงสาวกัดปากแน่น หน้าแดงก่ำ และพูดไม่ออก ซึ่งนั่นก็ทำให้คิริลคิดไปในอีกทางหนึ่งอย่างง่ายดาย

“พอได้ยินว่าจะได้เงิน อึ้งไปเลยสินะ ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ คิดว่าต้องการเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายให้เธอครบทุกบาททุกสตางค์เลยทีเดียว ขอเพียงแค่เซ็นยกเด็กคนนี้ให้กับฉันเท่านั้น”

เนื้อนวลตัวสั่นเทิ้ม กำมือแน่น ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน จ้องหน้าเขาอย่างโกรธจัด

“นี่คุณคิดว่าเงินของตัวเองซื้อทุกอย่างบนโลกได้อย่างนั้นเหรอ”

เขาทำท่าไม่สะทกสะท้านและมันน่าหมั่นไส้มากในสายตาของหล่อน

“ใช่”

เขาหยุดพูดและตวัดสายตามองหล่อนไปทั้งตัวอย่างเหยียดหยาม ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงไม่ต่างจากเดิมเลย

“ก็เห็นๆ กันอยู่ว่ามันสามารถซื้อผู้หญิงอย่างเธอได้”

“คนปากร้าย ผู้ชายปากจัด”

เนื้อนวลแทบเต้นกับคำดูถูกดูแคลนของผู้ชายตรงหน้า นี่เขากล้าดียังไง กล้าดียังไงมาประณามหล่อนแบบนี้ คนบ้า!

“เอาน่า เลิกแสดงละครว่ารักลูกห่วงลูกได้แล้ว อยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามาเลย ฉันยินดีจะจ่าย”

หญิงสาวเม้มปากแน่น จ้องหน้าเขาด้วยสายตาเกรี้ยวกราด

“ฉันไม่ต้องการเงิน”

“หือ... นี่ฉันหูฝาดไปหรือเปล่านี่”

เขาเยาะหยัน ด้วยท่าทางน่าตะกุยหน้าเป็นที่สุด

“คุณไม่ได้หูเฝื่อน หูฝาด แต่ฉันบอกว่าฉันไม่ต้องการเงิน ต่อให้เงินเป็นร้อยๆ ล้านฉันก็ไม่ต้องการ เอวาจะต้องอยู่กับฉัน คุณไม่มีวันได้แก จำเอาไว้ด้วย”

คิริลหรี่ตามองร่างแน่งน้อยที่กำลังโกรธจนตัวสั่นเทิ้มอย่างพิจารณา แม่นี่แสดงได้แนบเนียนเหลือเกิน นี่ถ้าเขาไม่รู้ประวัติหล่อนมาก่อนหน้า เขาคงเชื่อสนิทใจเลยทีเดียวว่าผู้หญิงคนนี้รักลูกของตัวเองจริงๆ ไม่ได้เลี้ยงทิ้งๆ ขว้างๆ อย่างที่กำลังทำอยู่

“ก็บอกว่าให้เลิกแสดงละครได้แล้วไง ฉันรู้เช่นเห็นชาติของเธอทั้งหมด ดังนั้นอย่าคิดจะมาโกหกอะไรอีกเลย”

ชายหนุ่มพูดเสียงราบเรียบแบบเดิม แต่คนฟังอย่างหล่อนรู้ดีว่าเขากำลังเต็มไปด้วยโทสะมากมายแค่ไหน ก็ถึงแม้ใบหน้าหล่อลากไส้จะยังคงเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มหยัน แต่นัยน์ตาสีเขียวจัดของเขานั้นเปลี่ยนเป็นสีเพลิงไปเสียแล้ว

“ยกให้เอวาให้กับฉันตอนนี้ ก่อนที่ฉันจะไม่ให้อะไรเลย”

“อย่ามาขู่ฉันเสียให้ยาก ฉันไม่มีทางยกเอวาให้กับคุณ หรือว่าใครหน้าไหนทั้งนั้น”

หญิงสาวตะเบ็งเสียงใส่เมื่อเดินไปหยุดตรงหน้าของเขา จ้องมองเขาที่ยังนั่งอยู่ด้วยสายตาเคืองขุ่น คนบ้า ไม่รู้อะไรเข้าสิง ถึงได้มองหล่อนเลวร้ายนัก

“นี่จะเป็นคำเตือนสุดท้ายของฉัน...”

แล้วพ่อเจ้าประคุณก็ลุกพรวดขึ้นโดยไม่ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า เป็นผลให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแบบหล่อนถอยหลังหนีไม่ทัน ร่างกายของหล่อนกับเขาจึงห่างกันแค่ฟุตเดียว ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะปัญหามันอยู่ที่กลิ่นหอมเซ็กซี่จากกายหนุ่มที่โชยเข้ามาในจมูกของหล่อนต่างหากล่ะ

โอ้... พระเจ้ากลิ่นไอของผู้ชายใจร้ายคนนี้สามารถทำให้ร่างกายของหล่อนเบ่งบานได้ไม่แพ้กับดอกไม้ยามได้รับหยาดฝนเลยสักนิด ทำไม... ทำไมเขาถึงได้มีอิทธิพลกับหล่อนถึงเพียงนี้นะ และทำไมหล่อนถึงต้องแสดงท่าทางหลงใหลเขาแบบนี้ด้วย เมื่อคิดได้หล่อนก็รีบถอยหลังหนีทันที แก้มนวลแดงระเรื่อราวกับลูกตำลึงสุก

“ฉัน... ฉัน... ยังยืนยันคำเดิม”

คิริลหรี่ตามองหญิงสาวที่แก้มแดงระเรื่อตรงหน้านิ่ง

“งั้นเราก็จะได้รู้กันในอีกไม่ช้า”

“คุณ... คุณหมายความว่ายังไง”

แม้จะยังคงร้อนรุ่มแปลกๆ ในบางส่วนของร่างกาย แต่หญิงสาวก็ยังอดเค้นเสียงถามออกไปด้วยความกังขาไม่ได้ แต่คิริลไม่ยอมตอบให้หล่อนกระจ่างสักนิด

“เอาเป็นว่าวันนี้ฉันจะกลับไปก่อน เธอมีเวลาหนึ่งคืนสำหรับตัดสินใจว่าจะเลือกเงินหรือว่าลูกของตัวเอง แต่ฉันคิดว่าเธอน่าจะเลิกอย่างแรกมากกว่า”

เขาหัวเราะเยาะเหยียดหยาม จนหล่อนเต็มไปด้วยความอดสู

“พรุ่งนี้ก่อนเที่ยงฉันคิดว่าจะได้รับคำตอบที่ดีจากเธอ... เนื้อนาง”

“ฉันชื่อเนื้อนวลต่างหาก ตาบ้า”

หล่อนตวาดกลับ ก่อนจะรีบไล่ส่งเขาทันที

คิริลไม่ได้แปลกใจกับชื่อของหญิงสาวเพราะเขาคิดว่าตัวเองจำผิด

“ฉันกำลังจะไป”

“เชิญ!”

หญิงสาวรีบเดินไปที่ประตูบ้าน และผายมือไล่อย่างซึ่งๆ หน้า

“แล้วไม่ต้องกลับมาอีกนะ ฉันเบื่อหน้าคุณเต็มที่แล้ว”

เขาที่เดินข้ามธรณีประตูไปแล้วหันกลับมามองหล่อน พลางยิ้มหยัน

“ฉันจะไม่มาที่นี่อีก ถ้าเอวาไปอยู่กับฉันที่ Demon’s Palaceแล้ว ซึ่งฉันมั่นใจว่าอีกไม่นาน”

เนื้อนวลเบ้ปากใส่อย่างหมั่นไส้ในความโอหังของคู่สนทนาหล่อระเบิด

“ฝันไปเถอะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป